"การพัฒนาอย่างยั่งยืนจะตอบสนองความต้องการของประชาชน และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อคนในรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อๆ ไป" คำกล่าวข้างต้นเป็นสิ่งยืนยันเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งมูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ ได้เป็นอย่างดี
นับเป็นเวลาร่วม 3 ทศวรรษแล้ว ที่แนวความคิดดังกล่าว ได้เติบโตเคียงคู่มากับ มูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ ที่ก่อตั้งโดย สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ เพื่อดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ "เตียง จิราธิวัฒน์" ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจขายปลีกภายใต้ชื่อ "ห้างเซ็นทรัล" ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของไทย โดยนอกจากยึดถือความคิดดังกล่าวเป็นแนวทางในการทำงานแล้ว มูลนิธิเตียงฯ ยังใช้แนวทางในการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อทำหน้าที่ตอบแทนสังคมอย่างจริงใจ จริงจัง มุ่งมั่น และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันสานต่อปณิธาน คุณพ่อเตียง
สุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ในกลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ผู้รับหน้าที่หลักในการวางกลยุทธ์และแนวทางดำเนินงานของมูลนิธิเตียงฯ ในขณะนี้ เผยว่าบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัลมีการจัดทำ CSR (Corporate Social Responsibility) 2 รูปแบบหลัก คือ CSR in process หมายถึง ความรับผิดชอบทางสังคมของธุรกิจที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการและขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ เจ้าของธุรกิจ นักลงทุน ลูกค้า คู่ค้า และสังคมโดยรวม และ CSR after process หมายถึง การทำประโยชน์ตอบแทนต่อสังคมเพื่อแก้ปัญหาให้กับสังคมโดยไม่หวังผลทางธุรกิจ ซึ่งมูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ จะทำหน้าที่หลักในส่วนนี้
"เพราะเราเชื่อว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะตอบสนองความต้องการของประชาชน และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อคนในรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อๆ ไป ตัวอย่างของความไม่ยั่งยืนที่ส่งผลให้เห็นมาแล้วคือ เมื่อก่อนเราเคยมีป่าหวายที่สมบูรณ์มากทางภาคเหนือและอีสาน ปัจจุบันไม่มีป่าหวายเพราะมีแต่คนตัดไม่มีคนปลูก ซึ่งการปลูกหวายใหม่จะต้องใช้ระยะเวลาถึง 5 ปี กว่าหวายจะใช้ประโยชน์ได้ ทุกปี Tops จะใช้ตะกร้าหวายเพื่อจัดกระเช้า ปัจจุบันสั่งมาจากประเทศจีนเพราะมีป่าหวายจำนวนมากและค่าแรงต่ำ หากในประเทศไทยเราเข้าไปพัฒนาและช่วยสอนในเรื่องการปลูกป่าหวายเพื่อทดแทน เราก็สามารถเป็นตลาดรองรับตะกร้าหวายได้ ถ้าชาวบ้านตระหนักถึงความยั่งยืนรู้ว่าอาชีพนี้จะสืบต่อถึงลูกหลานได้ ตัดเสร็จแล้วต้องปลูก นี่คือความยั่งยืน เราจึงต้องสร้างความยั่งยืนให้แก่อาชีพเพื่อทุกคนจะได้มีอาชีพและสืบทอดต่อรุ่นลูกรุ่นหลานได้"
แนวทางในการพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน
มูลนิธิเตียงฯ จึงได้นำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติ (UN) มาปรับใช้ให้เข้ากับสังคมไทย โดยจัดทำโครงการกิจกรรมเพื่อสังคม โดยการกำหนดแนวทางในการพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืน 4 ด้านหลัก ประกอบไปด้วย การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย, ความเท่าเทียมกันของสังคม การศึกษา, การพิทักษ์รักษ์สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ พอเพียง ซึ่งตลอดระยะเวลาดำเนินการนั้นพบว่า ด้านเศรษฐกิจพอเพียง สามารถทำประโยชน์ให้ชุมชนและสังคมได้อย่างแท้จริง ทั้งยังสอดคล้องกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จึงได้พัฒนาโครงการให้ตรงกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด โดยจัดตั้งขึ้นเป็น "โครงการเซ็นทรัลอาสาพัฒนาชุมชน" เพื่อพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
"เราทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงขั้นก้าวหน้า ได้แก่ การรวมกลุ่มและพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืน โดยรวมกลุ่มให้เกิดสหกรณ์ หรือวิสาหกิจชุมชน มีสวัสดิการกลุ่ม มีกองทุนสนับสนุน เป็นการรวมกลุ่มเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน การที่เกษตรกรจะมีอาชีพและมีผลผลิตมากพอเพียงที่จะไปจำหน่ายได้อย่างยั่งยืนเขาต้องรวมกลุ่ม อย่างเช่น พืชบางชนิด บ้านนี้ปลูกไม่ได้ บ้านอื่นปลูกได้ เนื่องจากความเหมาะสมของพื้นที่ แล้วเอาเงินมาจุนเจือช่วยเหลือกันได้ การพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และลดการเกิดปัญหาสังคมทั้งหมด สามารถส่งลูกเรียนได้ มีบ้านอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เราจะลงไปสนับสนุนชุมชนโดยนำธุรกิจของเราไปเป็นตัวรองรับผลผลิตจากชุมชน การทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่สมบูรณ์แบบที่สุดจะต้องนำจุดแข็งของธุรกิจมาเอื้อประโยชน์ให้กับสังคม การพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืนและมั่นคงให้กับชุมชน" คุณสุทธิธรรม กล่าวพร้อมย้ำว่า มูลนิธิเตียงฯ เน้นย้ำการดำเนินงานออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน คือ ประเภทผลิตผลทางการเกษตร ประเภทผลิตภัณฑ์ และ ประเภทการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งมีโครงการหลักคือ ป่าชุมชน เป็นโครงการที่เริ่มทำเมื่อปีที่ผ่านมาและรอดูผลในปีนี้
พัฒนาชุมชน พัฒนาคน พัฒนาประเทศ
ขณะเดียวกัน วันทนีย์ จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายภาพลักษณ์องค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ผู้เป็นกำลังสำคัญอีกแรงหนึ่งในการลงพื้นที่เพื่อทำงาน โครงการเซ็นทรัลอาสาพัฒนาชุมชน เผยว่า การสร้างอาชีพที่มั่นคงให้แก่ชุมชนในด้านผลผลิตทางการเกษตร ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข คือ เกษตรกรต้องลด ละ เลิก การใช้สารเคมี, ต้องอนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้ได้ GI โดยขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI-Geographical Indication) โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทุกคนจะต้องผ่านขั้นต่ำที่สุดคือ ได้รับการรับรองคุณภาพจากกรมวิชาการเกษตรให้ได้มาตรฐานของผู้ปลูก ที่เรียกว่า การผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม หรือ GAP (Good Agriculture Practices) ส่วนขั้นสูงที่สุดคือ เกษตรอินทรีย์ หรือออร์แกนิค
"สิ่งเหล่านี้ถือเป็นวงจรแห่งชัยชนะ (Winner Circle) ซึ่งสามารถแยกได้เป็น ชัยชนะที่ 1 คือ สามารถให้ชุมชนมีอาชีพที่ยั่งยืน ปลอดภัย ชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังมีรายได้สม่ำเสมอ และสามารถส่งลูกเรียนหนังสือได้ ชัยชนะที่ 2 คือ เรื่องของสิ่งแวดล้อม เรื่องของดินที่ไม่ปนเปื้อนสารพิษ มีน้ำและอากาศที่บริสุทธิ์ และชัยชนะที่ 3 คือ ผู้บริโภคจะได้บริโภคผลผลิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ซึ่งเราเน้นคำว่าคุณภาพมาก โดยจะบอกกับทุกชุมชนว่า โครงการเราจะผลิตแต่ผลผลิตที่มีคุณภาพและตรงความต้องการของตลาดเป็นการยกระดับมาตรฐานของเกษตรกร นอกจากนี้โรงแปรรูปที่เราสร้างและบริจาคให้ทุกกลุ่ม จะต้องได้รับมาตรฐาน Good Manufacturing Practice (GMP) เป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์และยกระดับมาตรฐานของเกษตรกรทุกคนในโครงการ โดยที่เราไม่หวัง ผลตอบแทนอะไรเลย เราให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ตั้งแต่เรื่องการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้เพื่อยกระดับตัวเอง พัฒนาผลผลิต เช่น จัดตั้งกองทุนเมล็ดพันธุ์ กองทุนซื้ออุปกรณ์ในการแปรรูป ทำโรงแพ็กสินค้าที่ได้มาตรฐาน เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น คุณภาพชีวิตของเกษตรกรก็จะดีขึ้น ทุกวันนี้เรานำธุรกิจมารองรับผลผลิตจากเกษตรกรเพื่อมาจำหน่ายแต่ไม่ได้ผูกขาด ใครต้องการซื้อผลผลิตก็สามารถติดต่อได้โดยตรงที่กลุ่ม เราจะสอนในเรื่องเงื่อนไขการซื้อ-ขายด้วย"
ผลผลิต ผลิตผล
นอกจากนี้ในส่วนของผลผลิตทางการเกษตรที่มูลนิธิเตียงฯ ให้ความสนับสนุนในการดำเนินโครงการ เมื่อปี 2555 ที่ผ่านมายังมี ผักปลอดสารพิษ ที่ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี เชียงราย ส่วนผลไม้ มีสับปะรดนางแล สับปะรดภูแล ที่เชียงราย, ส้มโอขาวใหญ่ สมุทรสงคราม, ข้าวสังข์หยด พัทลุง, ข้าวเหนียวลืมผัว และอะโวคาโด จ.ตาก ส่วนที่จะทำในปีนี้มี มะขามหวานเพชรบูรณ์ สตอเบอรี่ แมคคาเดเมีย จากอำเภอนาแห้ว จ.เลย เป็นต้น
"การขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของผลผลิตนั้น จะต้องเป็นมรดกของท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นพืชพันธุ์จากท้องถิ่น หรือเป็นเทคนิคของปราชญ์ชาวบ้านที่ทำผลผลิตนั้นให้มีรสชาติ กลิ่น สี เฉพาะของท้องถิ่นนั้นๆ ก็ได้ โดยที่คนอื่นไม่สามารถนำไปเลียนแบบได้ เพราะขึ้นอยู่กับอากาศ ดิน น้ำ ภูมิประเทศ ความรู้พื้นเพของชาวบ้าน เป็นตัวกำหนดด้วย"
ขณะนี้มีผลผลิตทางการเกษตรที่ได้ขึ้นทะเบียน GI แล้วหลายชนิด อาทิ ข้าวสังข์หยด จ.พัทลุง เป็นข้าวที่มีเมล็ดข้าวเรียวเล็ก สีแดงเข้ม มีคุณค่าทางใยอาหารสูงกว่าข้าวพันธุ์อื่นๆ มีประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความชรา ป้องกันการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคความจำเสื่อม โรคหัวใจ มีโปรตีน ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัสสูง มีประโยชน์ในการบำรุงโลหิต บำรุงร่างกายให้แข็งแรง
ข้าวเหนียวดำลืมผัว ของชาวเขาเผ่าม้ง จ.ตาก เป็นข้าวกล้องข้าวเหนียวที่มีกลิ่นหอม รสอร่อย เมื่อเคี้ยวจะรู้สึกมันและนุ่มแบบหนึบๆ คุณค่าทางโภชนาการที่เด่นเป็นพิเศษ คือ มีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง มีวิตามินอี ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีโอเมกา-6 ที่บรรเทาอาการขาดภาวะเอสโตรเจนของวัยทองและช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
ส้มโอขาวใหญ่ จ.สมุทรสงคราม เป็นส้มโอพันธุ์ดั้งเดิมของจังหวัด มีผลค่อนข้างใหญ่ ผิวเรียบสีเขียวอมเหลือง เนื้อของส้มโอพันธุ์นี้เหมือนมีเนื้อกุ้งขนาดใหญ่ มีรสชาติหวานกลมกล่อมอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีน้ำมาก แต่ไม่แฉะ สามารถเก็บได้นานเป็นเดือนหลังการเก็บเกี่ยว
สับปะรดนางแล จ.เชียงราย เป็นสับปะรดที่ผลมีลักษณะทรงกลม ป้อมเตี้ย เปลือกบาง สีเขียวปนดำหรืออาจมีสีเหลืองปนสีส้มแก่ เนื้อละเอียดสีเหลืองเหมือนน้ำผึ้งทั้งผล มีกลิ่นน้ำผึ้งจากเนื้อ เมื่อปอกเปลือกแล้ว รสชาติหวานปานกลางค่อนข้างสูง
สับปะรดภูแล จ.เชียงราย เป็นผลสับปะรดที่มีขนาดเล็ก ตัวจุกมีลักษณะชี้ตรง เปลือกค่อนข้างหนา เมื่อสุกเปลือกจะมีสีเหลืองหรือเหลืองปนเขียว เนื้อสีเหลือง กรอบ กลิ่นหอม แกนสับปะรดกรอบ รับประทานได้ รสชาติหวาน ปานกลาง
โครงการเซ็นทรัลอาสาพัฒนาชุมชน เป็นตัวอย่างหนึ่งของภาคเอกชน ที่ต้องการทำประโยชน์ตอบแทนสังคมโดยไม่เกี่ยวข้องหรือหวังผลทางธุรกิจ โดยเข้าถึงปัญหาของชุมชนและให้การสนับสนุนพร้อมช่วยแก้ไขอย่างตรงจุด ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน มีการพัฒนาอาชีพที่สามารถเพิ่มรายได้ และพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์หลักของมูลนิธิเตียง จิราธิวัฒน์ ที่ต้องการตอบแทนสังคมอย่างจริงใจ จริงจัง มุ่งมั่น และต่อเนื่องอย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น